คุณทำให้ร่างกายของคุณและโลกใบนี้มีชีวิตอย่างยั่งยืนได้ ด้วยกลเม็ดง่ายๆ ดังต่อไปนี้
ดูเผินๆ แล้วการใช้ชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั้นดูเป็นเรื่องใหญ่โตที่จะทำอย่างจริงจัง แต่จงจำไว้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบพลิกขั้วในวันเดียว (หรือย้ายบ้านไปอยู่ในชุมชนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม)
“สิ่งที่ฉันชอบพูดกับผู้คนคือ ให้พวกเขาตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตแบบยั่งยืนใดๆ ก็ตามที่พร้อมจะเปลี่ยน เริ่มจากวันนี้เป็นต้นไป” อเล็กซ์ สจ๊วต นักพูดและบล็อกเกอร์ด้านการใช้ชีวิตแบบธรรมชาติขององค์กร Low Tox Life แนะนำ
เราได้สรุปกลวิธีในการปรับวิถีชีวิตแบบง่ายๆ 7 ข้อมาให้คุณได้อ่าน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้งร่างกายของคุณและสิ่งแวดล้อม
1. ซื้อของที่ตลาดเกษตรกรท้องถิ่นของคุณ
การไปอุดหนุนตลาดเกษตรกรท้องถิ่นนั้น แปลว่าคุณได้ช่วยอุดหนุนสินค้าเกษตรในพื้นที่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการขนส่งอาหารเป็นระยะทางไกล กว่าที่จะมาถึงจานข้าวของคุณ
“โดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่นำสินค้ามาขายที่ตลาดเกษตรกรท้องถิ่นนั้นเป็นคนท้องถิ่น ที่นำสินค้าเกษตรของตนเองมาขายแบบสดๆ จากไร่นาของตัวเอง” สจ๊วตกล่าว นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากตลาดท้องถิ่นยังมีความสดมากกว่า และมีแนวโน้มที่จะมีคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติที่ดีกว่าด้วย
คุณสามารถหาตลาดเกษตรกรท้องถิ่นใกล้บ้านคุณได้ที่ farmersmarkets.org.au
ระวังไว้: อาหารออร์แกนิคดีกว่าจริงหรือไม่?
2. หลีกเลี่ยงกลิ่น”ปลอม”
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่คุณจะเปลี่ยนได้คือการหลีกเลี่ยง “กลิ่นปลอม” หรือผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรมกลิ่นสังเคราะห์ ยกตัวอย่างเช่นน้ำหอมปรับอากาศ ธูปหอม ผลิตภัณฑ์ประทินโฉมสังเคราะห์ต่างๆ และน้ำยาปรับผ้านุ่ม
“กลุ่มของสารเคมีที่เติมแต่งในกลิ่นสังเคราะห์จะทำให้อยู่ได้นานขึ้นคือ พาทาเลต (phthalates) ซึ่งจะรบกวนระดับฮอร์โมนของเรา และส่งผลเสียหากคุณกำลังเตรียมการตั้งครรภ์” สจ๊วตกล่าว นอกเหนือจากนี้ พาทาเลต ยังเป็นสารที่เป็นมลพิษต่อทั้งน้ำและอากาศอีกด้วย
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสารนี้ ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมหรือที่ไม่มี “สารแต่งกลิ่น” เป็นส่วนประกอบ หากมีการแต่งกลิ่น ควรจะเป็นน้ำมันหอมระเหยหรือระบุว่า “ไม่มีสารแต่งกลิ่นสังเคราะห์” หรือ “ไร้สาระพาทาเลต”
3. เลิกใช้น้ำยาล้างมือ
สบู่ต้านแบคทีเรียมีสารไตรโคลซานซึ่งเป็นสารเคมีที่เหลือค้างอยู่รอบตัวเราและอาจจะรั่วไหลไปถึงแม่น้ำลำธารและเป็นพิษกับสิ่งมีชีวิตในน้ำได้ และนอกจากนี้ยังคาดว่ามีผลรบกวนการทำงานของต่อมไทรอยด์และทำให้เกิดปัญหาดื้อยาปฏิชีวนะ
งานวิจัยในปี พ.ศ.2558 เผยว่าการใช้สบู่และน้ำล้างมือแทนนั้น ได้ผลในการฆ่าเชื้อไม่ต่างกับโฟมล้างมือฆ่าเชื้อ
4. เลือกอาหารทะเลที่มีความยั่งยืน
“เราไม่ควรที่จะทำให้สมดุลของสิ่งมีชีวิตในทะเลนั้นเสียมากไปกว่านี้ ดังนั้นจะเป็นการดีกว่า ถ้าเราหันมาบริโภคปลาที่มีน้ำมันตัวเล็กๆ อย่างปลาซาร์ดีนและปลาแองโชวี่” สจ๊วต แนะนำ
ปลาเหล่านี้ มีระดับสารปรอทต่ำกว่า ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกอื่นเช่นปลาหมึกซึ่งโตเต็มที่ได้ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์และปลาท้องถิ่นที่มีความยั่งยืนเช่นปลากระบอกเทาหรือปลาช่อนทรายแก้ว
5. เลือกน้ำมันมะพร้าวเป็นเครื่องประทินโฉมหลักของคุณ
น้ำมันมะพร้าวเป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์ความงามสารพัดประโยชน์ที่ทำได้ทั้งล้างเครื่องสำอาง สร้างความชุ่มชื้น ทาริมฝีปาก มาส์กผม ทำให้ผิวนุ่มและเป็นเซรุ่มป้องกันไม่ให้ผมหยิก
นอกจากนี้ ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงสารเคมีสังเคราะห์และกลิ่นสังเคราะห์ต่างๆ และแพ็คเกจสินค้าความงามเหล่านั้นอีกด้วย เป็นการลดรอยเท้าทางด้านสิ่งแวดล้อมของคุณไปในตัว
6. ดื่มกาแฟออร์แกนิคที่ปลูกในพื้นที่ของคุณ
กาแฟมักจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ (ทำให้เพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก) และมักจะถูกฉีดพ่นยาฆ่าแมลงอย่างหนัก ทำให้เป็นความคิดที่ดีกว่าที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ไม่ทำให้เกิดคาร์บอนและรองรับแล้วว่าเป็นออร์แกนิคที่ค้าขายโดยชอบธรรมเพื่อใช้ดื่มในบ้านของเรา (สจ๊วต เลือกกาแฟ República)
นอกจากนี้ ให้อุดหนุนร้านกาแฟที่เสิร์ฟกาแฟออร์แกนิคที่ค้าขายอย่างชอบธรรมแล้วใช้ถ้วยกาแฟที่ใช้ใหม่ได้เพื่อเป็นการสนับสนุนสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นไปอีก
7. สร้างพื้นที่สีเขียวในพื้นที่ทำงานของคุณด้วยการปลูกพืชในกระถาง
พืชนั้นเป็นเหมือนระบบระบายอากาศขนาดย่อมที่จะกรองสารมลพิษในอาคารรวมถึงสารประกอบชีวภาพ คาร์บอนไดออกไซด์ ฝุ่นละอองขนาดเล็กและโอโซน
ให้ลองเลี้ยงพืชไว้สักกระถางในที่ทำงาน แล้วคุณจะได้หายใจอากาศที่มีความบริสุทธิ์ นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่า คุณจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างสรรค์ มีความเครียดน้อยลง มีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้นและลาป่วยน้อยลง
ให้เลือกพืชมีใบมากๆ เช่นต้นหน้าวัว ยิ่งมีใบเขียวมาก ยิ่งทำให้พืชมีความสามารถในการล้างสารพิษมากขึ้น