กรดไหลย้อน อาการแสนแสบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับพนักงานออฟฟิศอย่างเรา นักธรรมชาติบำบัด แคทเธอรีน เทอริลล์ พาเราเข้าไปสำรวจเส้นทางการเดินของอาหารในร่างกาย และชี้ให้ว่ามีสิ่งผิดปกติกับท้องของเราอย่างไร
ในขณะที่เรามีอาการเสียดท้อง ช่องท้องของเราเป็นอวัยวะที่มีความมหัศจรรย์ มันสามารถทนต่อสภาวะเป็นกรดร้ายแรงได้ และในขณะเดียวกันก็สามารถย่อยอาหารที่ทานเข้าไปให้กลายเป็นสารเคมีที่มีคุณค่าทางอาหาร อีกทั้งยังสามารถส่งสัญญาณในรูปแบบต่างๆไปยังสมองและอวัยวะอื่นๆในระบบย่อยอาหารได้รับรู้ ตลอดจนยังสามารถปรับตัวยืดหดได้ตามขนาดของอาหารที่เรารับประทานเข้าไปได้อีกด้วย
ท้องเราทำงานอย่างไร ?
ท้องเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่กักเก็บอาหารที่เรารับประทานเข้าไปและเริ่มต้นกระบวนการย่อยสลายทางเคมี นอกจากนี้ยังเป็นจุดย่อยอาหารต่อเนื่องจากการเคี้ยวในช่องปากอีกด้วย
ภายในท้องของเรามีเซลล์และต่อมที่ทำหน้าที่พิเศษเฉพาะทางอยู่หลายชนิด แต่ที่สำคัญที่สุดมีอยู่ 3 ส่วนด้วยกัน
1. ต่อมกระเพาะอาหาร Gastric glands ทำหน้าที่ผลิตน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายที่อาจติดมากับอาหาร
2. เซลล์ถ้วยแก้ว (Goblet cells) ทำหน้าที่ผลิตเมือกที่ปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารจากสภาวะที่ผิดปกติ
3. เซลล์เอ็นเตอโรเอ็นโดครีน (Enteroendocrine cells) ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนและสารคล้ายฮอร์โมนประเภทต่างๆซึ่งส่งผลกับระบบการย่อยอาหารของร่างกาย จุกเสียดหรือหัวใจวาย?
หนึ่งในปัญหาช่องท้องที่เราประสบกันบ่อยๆคืออาการเสียดท้องหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Heartburn” ที่ตั้งชื่อเรียกแบบนี้ก็เพราะว่าอาการนี้จะคล้ายๆกับอาการหัวใจวาย (Heart attack) มากจนหลายๆคนที่ประสบอาการแบบนี้มักจะตื่นกลัวรีบเข้าโรงพยาบาลเพราะกลัวว่าจะมีอาการหัวใจวาย
จริงๆแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีอาการเสียดท้องก็คือกรดที่อยู่ในท้องของเราไหลไปอยู่ที่หลอดอาหารซึ่งไม่มีความสามารถในการป้องกันความเป็นกรดและด่าง กรดที่ไหลเข้าไปจึงทำลายเยื่อบุหลอดอาหารซึ่งคงเป็นประสบการณ์ที่หลายๆคนคงไม่ต้องการจะประสบกับตัวเอง อาการดังกล่าวอาจจะเกิดแบบต่อเนื่องหรือเป็นๆหายๆ แต่หากเข้าขั้นเรื้อรังแล้วหลอดอาหารอาจเกิดอาการอักเสบจนกลายเป็นแผลได้
สัญญานบ่งบอกอาการ “กรดไหลย้อน”
1. การรับประทานอาหาร และการดื่มมากเกินไป
2. ความอ้วน
3. การตั้งครรภ์
4. การเคลื่อนไหวร่างกายในท่าที่อาจทำให้อาหารในกระเพาะกระฉอกออกมา
5. ท่าทางของร่างกายหลังจากรับประทานอาหาร
6. การมีวัตถุมารัดบริเวณท้องจนเกินไป เช่น เข็มขัดหรือเสื้อผ้า
7. ปัจจัยด้านอาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การรับประทานอาหารเผ็ดจัด อาหารมัน ช็อกโกแล็ต สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดื่มกาแฟ เป็นต้น
กรดไหลย้อน หลีกเลี่ยงได้!
1. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงด้านอาหารข้างต้น และรับประทานผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มากขึ้น
2. รักษาน้ำหนักให้เหมาะสม
3. รับประทานอาหารเป็นปริมาณต่อมื้อน้อยแต่บ่อยครั้ง ดีกว่ารับประทานอาหารปริมาณมากแต่จำนวนมื้อน้อย
4. ห้ามนอนทันทีหลังการรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ หรือหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารใกล้เวลาเข้านอน
5. ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ
ใครที่เคยเป็นกรดไหลย้อนมาก่อนคงรู้ดีว่า เจ็บและทรมานทุกครั้งที่มีอาการ เพราะฉะนั้นเราควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี รับประทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหาร และหมั่นออกกำลังกายและทำตามคำแนะนำข้างต้น หรือปรึกษาคุณหมอหากมีอาการ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนะคะ
เข้าสู่ระบบ
;void(0);)
;void(0);)
