วิธีการต่อไปนี้จะช่วยให้เด็กที่กำลังเจริญเติบโตนอนหลับสนิทฝันดี
การนอนหลับอย่างเพียงพอเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของพวกเรา ทั้งในเด็กวัยเตาะแตะ เด็กวัยเรียน หรือแม้แต่ผู้ใหญ่
สมองที่กำลังเจริญเติบโตต้องการการนอนหลับเพื่อให้เซลล์ประสาทมีการเชื่อมโยงที่สมบูรณ์ อีกทั้งการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมเนื้อเยื่อก็ยังเกิดในระหว่างการนอนหลับพักผ่อน
การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถส่งผลกระทบต่อน้ำหนักตัว (ฮอร์โมนที่ควบคุมความหิวถูกกระตุ้นเมื่ออดนอน) และสุดท้ายแต่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ การอดนอนทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงขึ้น ซึ่งกดระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น หวัด ไวรัส และการติดเชื้อแบคทีเรีย
อะไรที่รบกวนการนอนหลับ?
เหตุผลมากมายไม่รู้จบที่ทำให้เด็กๆ มีปัญหาการนอนหลับ
เด็บ เฮิร์ดแมน อดีตพยาบาลทารกแรกเกิดจาก Night Night Sleepy Head กล่าวว่า เด็กเล็กอาจถูกรบกวนการนอนหลับได้จากสภาพแวดล้อมและแม้แต่การพัฒนาการตามวัย เช่น ฟันงอก หรือช่วงที่มีการเจริญเติบโตอย่างก้าวกระโดด ไปจนถึงการเจ็บป่วย หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารที่อาจไม่ถูกกับทางเดินอาหารของเด็ก
ภาวะสมาธิสั้น ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อาจทำให้เด็กนอนหลับยาก เฮิร์ดแมนกล่าวว่า พฤติกรรมนี้อาจเกิดขึ้นหากพ่อแม่พลาดไม่รับรู้สัญญาณการนอนหลับของลูกน้อย “พ่อแม่อาจเข้าใจผิดว่าลูกๆ ของพวกเขาต้องการเวลากล่อมก่อนเข้านอนมากขึ้น ซึ่งทำให้วงจรการนอนหลับไม่เพียงพอ อะดรีนาลีน จะหลั่งออกมาและกระตุ้นการตอบสนอง ซึ่งทำให้เด็กตื่นตัวมากขึ้นและยากต่อการทำให้สงบ”
การนอนหลับของเด็ก อ่อนไหวและมีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงใหม่ที่เกิดขึ้นได้ เช่น – ชั้นเรียนใหม่ ทะเลาะกับเพื่อน ความไม่สงบในครอบครัว…และอีกมากมายไม่มีที่สิ้นสุด! รวมทั้งเด็กๆ อาจรู้สึกกลัวการอยู่คนเดียวในที่มืด เมื่อจินตนาการของพวกเราเริ่มทำงาน
แล้วจะช่วยให้เด็กๆ นอนหลับได้อย่างไร?
กิจวัตรและความสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญ เฮิร์ดแมน กล่าวว่า เวลาประจำในการเข้านอนเป็นเป็นพื้นฐานสำคัญเนื่องจากทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย “กิจวัตรที่ทำให้สงบผ่อนคลายก่อนเข้านอนเป็นสิ่งที่ดี - หลังจากอาหารเย็น การอาบน้ำอาจช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย การอ่านหนังสือจะช่วยให้เด็กๆ สงบลงโดยไม่เป็นการกระตุ้นแบบที่เกมคอมพิวเตอร์และโทรทัศน์ทำให้เกิด” หากคุณมีลูกช่างคุย จัดเวลาไว้สำหรับพูดคุยกันอย่างเงียบๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันของพวกเขาก็จะช่วยให้เด็กๆ รู้สึกเชื่อมโยงกับคุณและผ่อนคลาย
บรรยากาศภายในห้องนอนของเด็กๆ ก็มีผลอย่างยิ่งเช่นกัน – ห้องที่รก ระเกะระกะ ทำให้เสียสมาธิ ในขณะที่ห้องที่เงียบ สะอาด มีแสงน้อยๆ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย “ระวังบางสิ่งเช่น อุณหภูมิห้อง และผ้าห่มหรือชุดนอนที่อุ่นเกินไป เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ก็สามารถรบกวนการนอนหลับได้เช่นกัน”
ฉันลองหมดทุกอย่างเบื้องต้นแล้ว ตอนนี้ต้องทำอย่างไรต่อไป?
หากคุณมีลูกน้อยที่ยากจะผ่อนคลาย การสอนพวกเขาให้ฝึกสมาธิ หรือการใช้เวลากลางคืนทำสมาธิที่เหมาะสำหรับเด็กอาจมีประโยชน์ เฮิร์ดแมน แนะนำเพลงกล่อมนอนสำหรับเด็กเล็ก ดังนั้น เครื่องเล่นเพลงจึงอาจเป็นอุปกรณ์เพิ่มเติมที่มีประโยชน์สำหรับห้องนอนของเด็กๆ
นอกจากนี้ ควรให้แน่ใจว่าคุณตามทันสัญญาณการนอนหลับของพวกเขา เด็บ กล่าวว่าการพลาดสัญญาณเหล่านี้อาจนำไปสู่การก่อตัวของรูปแบบหรือพฤติกรรมที่ยากจะแก้ไข “ในเด็กทารก สังเกตการณ์เคลื่อนไหวที่กระตุก ทารกอาจกำลังรู้สึกหงุดหงิดหรือหาว” ในทารกที่โตขึ้น เด็กวัยเตาะแตะ และเด็ก จะแสดงสัญญาณของการขาดสมาธิ หงุดหงิด ขยี้ตา หรืออาจเกรี้ยวกราดและอารมณ์ไม่ดี
หยุดเด็กที่อ่อนล้าไม่ให้ลุกจากเตียง
หนึ่งในความกังวลและหงุดหงิดที่พบบ่อยที่สุดสำหรับพ่อแม่ คือลูกปฏิเสธที่จะอยู่ในห้องนอนของตัวเอง เด็กที่ขอน้ำดื่มสักแก้ว จากนั้นขอไปเข้าห้องน้ำ ตามด้วยร้องหิว...ไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด
“พยายามคิดและก้าวนำความคิดเด็กเด็กหนึ่งก้าวในเหตุผลข้ออ้างต่างๆ ที่เด็กๆ อาจจะขอลุกออกกจากเตียง – เช่น ต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาได้ดื่มน้ำและไปเข้าห้องน้ำแล้ว และมีหนังสือและของเล่นที่ชอบตอนเข้านอน และหากโดยทั่วไปแล้วลูกเป็นเด็กนอนง่ายและมีทุกอย่างที่ต้องการแล้วแต่ยังร้องขอจากคุณ อาจเป็นเพราะเด็กรู้สึกไม่สงบและต้องการอยู่กับคุณมากขึ้นอีกเล็กน้อย ดูให้มั่นใจว่าลูกโอเค และกำหนดเวลาเพื่อพูดคุยกันใหม่หากเริ่มดึกเกินไป บางครั้งการที่เด็กๆ รู้ว่าจะได้รับการรับฟังและรู้ว่าเมื่อไรก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารู้สึกสงบลง – โดยมีเงื่อนไขว่าคุณต้องปฏิบัติตาม!