แครนเบอร์รีกลายเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการพัฒนาสุขภาพต่อมลูกหมากของผู้ชาย แอนดรูว์ เคท เทรนเนอร์ส่วนตัวออนไลน์ศึกษางานวิจัยล่าสุด
ข้อมูลพื้นฐาน
สุขภาพต่อมลูกหมากเป็นปัญหาที่สำคัญ ภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH) เป็นหนึ่งในภาวะทางการแพทย์ที่พบมากที่สุดในชายสูงอายุ
ภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นอาการบวมที่ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง เป็นการโตของต่อมลูกหมากและทำให้เกิดอาการของทางเดินปัสสาวะช่วงล่าง เช่น ปัสสาวะไหลช้า และถ่ายเบาไม่สุด
อุบัติการณ์ของทางเดินปัสสาวะช่วงล่างที่เกิดจากภาวะต่อมลูกหมากโตนี้จะมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้ชายมีอายุมากขึ้น หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ภาวะต่อมลูกหมากโต จะส่งผลลบต่อคุณภาพชีวิตและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ต่างๆ
จึงทำให้เกิดความสนใจและการศึกษาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อช่วยปรับปรุงสุขภาพของต่อมลูกหมากเพิ่มเติมมากขึ้น
การค้นคว้าวิจัย
งานวิจัยแนะนำว่าตัวผลแครนเบอร์รี น้ำ และสารสกัดจากแครนเบอร์รีอาจมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ จากการวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Nutrition กล่าวว่า ผลการปกป้องสุขภาพของระบบทางเดินปัสสาวะของแครนเบอร์รีก็อาจมีผลขยายไปถึงต่อมลูกหมากด้วย
มีการศึกษาในผู้ชาย 42 คนที่มีปัญหาสุขภาพต่อมลูกหมากหรืออาการระบบทางเดินปัสสาวะช่วงล่าง (อายุเฉลี่ย 63 ปี) และเปรียบเทียบกลุ่มควบคุมกับกลุ่มแครนเบอร์รีที่บริโภคผงแครนเบอร์รี 1,500 มิลลิกรัมทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน
การวิจัยชี้ว่า ร้อยละ 70 ของผู้ชายในกลุ่มแครนเบอร์รี มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกด้านของการปัสสาวะ ซึ่งรวมถึงปริมาณและอัตราการไหล ไม่พบผลข้างเคียง และไม่พบการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญกับกลุ่มควบคุม
วิถีชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไร
แครนเบอร์รีมีจำหน่ายทั้งแบบผล แบบแห้ง แบบน้ำผลไม้ และแบบผงในรูปแบบอาหารเสริมต่างๆ
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การรักษาที่ไม่แพงและเป็นแบบธรรมชาติ เช่น การใช้แครนเบอร์รี อาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตในผู้สูงอายุที่เป็นภาวะต่อมลูกหมากโตได้ ผู้เข้าร่วมการทดลองในการศึกษาครั้งนี้ รับประทานผงแครนเบอร์รี 500 มิลลิกรัม สามแคปซูล แบ่งช่วงเวลาเป็นสามช่วงเท่าๆ กัน ทุกวันตลอดหกเดือน
นักวิจัยเชื่อว่า การรักษาด้วยแครนเบอร์รีอาจจะมีประสิทธิภาพเท่ากับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะสำหรับอาการทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง แต่ไม่มีความเสี่ยงต่อการดื้อยาต้านจุลชีพและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
คงจะดีที่จะได้เห็นการวิจัยเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เพื่อพัฒนาความเข้าใจในเรื่องประโยชน์ของแครนเบอร์รี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น