คุณรู้ไหมว่า คุณมีแร่ธาตุสังกะสีในร่างกายต่ำหรือไม่? มาค้นหากันว่า ทำไมสังกะสีจึงมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย และทำไมแร่ธาตุจำเป็นนี้ได้รับการแนะนำให้บริโภคในแต่ละวัน
อาการและภาวะการขาดแร่ธาตุสังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อย่างไรก็ตาม การควบคุมอาหารของชายชาวออสเตรเลียหนึ่งในสามคน และผู้หญิงหนึ่งใน 10 คนนั้น ไม่ได้รับปริมาณสารอาหารที่เพียงพอ
การรับประทานสังกะสีที่ไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะขาดสารอาหาร เนื่องจากร่างกายของคุณไม่ได้เก็บมันไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในความเป็นจริง มันมีความสำคัญในการบริโภคอาหารที่มีสังกะสีทุกวัน สัญญาณเตือนของการขาดสังกะสีในปริมาณเล็กน้อย คือภูมิคุ้มกันต่ำหรือทำงานช้า คุณอาจสังเกตได้ว่าคุณไม่สามารถรับรู้รสชาติได้เหมือนเช่นเคย
อาหารที่อุดมด้วยสังกะสี
แหล่งที่มาหลักของสังกะสีในอาหารของชาวออสเตรเลีย คือเนื้อสัตว์ ธัญพืช และอาหารที่ทำจากผลิตภัณฑ์นม อาหารอื่นๆ รวมถึงถั่วเล็ดแห้ง อาหารทะเล ถั่ว และเมล็ดพืชบางชนิดก็เป็นแหล่งอาหารที่ดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณสังกะสีที่ถูกดูดซึมจากผัก พืชตระกูลถั่ว และธัญพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย (wholegrains) มีแนวโน้มที่จะมีสังกะสีน้อยกว่าจากเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม
อาหาร, ปริมาณสังกะสี
หอยนางรม (6 ตัวขนาดกลาง), 76 มิลลิกรัม
เนื้อวัว (85 กรัม ปรุงสุก), 8.9 มิลลิกรัม
ปู (85 กรัม ปรุงสุก), 6.5 มิลลิกรัม
มะเขือเทศตากแห้ง (30 กรัม), 4 มิลลิกรัม
เนื้อหมู (85 กรัม ปรุงสุก), 2.9 มิลลิกรัม
ไก่ เนื้อดำ (85 กรัม ปรุงสุก), 2.4 มิลลิกรัม
เมล็ดฟักทอง (30 กรัม), 2.25 มิลลิกรัม
ซีเรียลอาหารเช้าที่เสริมด้วยสังกะสี (100 กรัม), 1.9-7.8 มิลลิกรัม
เมล็ดทานตะวัน (30 กรัม), 1.75 มิลลิกรัม
โยเกิร์ต (220 กรัม), 1.7 มิลลิกรัม
ถั่วลูกไก่ (chickpeas) (1/2 ถ้วย ปรุงสุก), 1.3 มิลลิกรัม
นม (1 ถ้วย), 1 มิลลิกรัม
ประโยชน์ที่จะได้รับ
หนึ่งในบทบาทหลักของแร่ธาตุชนิดต่างๆ คือสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และยังมีบทบาทสำคัญในช่วยรักษาบาดแผลด้วยวิธีที่ช่วยในการสร้างและรักษาความแข็งแรงของเยื่อหุ้มเซลล์ในผิวหนัง นอกจากนั้น สังกะสียังมีบทบาทสำคัญในเรื่องของสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้ชายและการผลิตอสุจิที่มีสุขภาพดี
จะเกิดอะไรขึ้นหากระดับของสังกะสีต่ำ
หนึ่งในสิ่งสำคัญที่คุณอาจสังเกตเห็นคือ คุณง่ายต่อการติดเชื้อและไวรัสมากกว่าปกติ บาดแผล แผลช้ำ หรือบาดแผลใดๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณอาจใช้เวลาในการรักษาที่นานกว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ คุณสามารถเผชิญกับอาการเหล่านี้ได้เมื่อระดับสังกะสีในเลือดของคุณยังคงอยู่ในช่วง 'ปกติ' หรือ 'เพียงพอ'
คุณต้องการสังกะสีมากแค่ไหน?
ปริมาณสังกะสีที่คุณต้องการในแต่ละวันแตกต่างกันไปตามอายุและเพศ
อายุ, ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน (RDI)
1 ถึง 3 ปี, 3 มิลลิกรัม / วัน
4 ถึง 8 ปี, 4 มิลลิกรัม / วัน
เด็กชาย
9 ถึง 13 ปี, 6 มิลลิกรัม / วัน
14 ถึง 18 ปี, 13 มิลลิกรัม / วัน
เด็กหญิง
9 ถึง 13 ปี, 6 มิลลิกรัม / วัน
14 ถึง 18 ปี, 7 มิลลิกรัม / วัน
ผู้ชาย – 19 ปีขึ้นไป, 14 มิลลิกรัม / วัน
ผู้หญิง – 19 ปีขึ้นไป, 8 มิลลิกรัม / วัน
ช่วงอายุ 1 ถึง 3 ปี ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวันคือ 3 มิลลิกรัม โดยจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 มิลลิกรัม ในช่วงอายุ 4 ถึง 8 ปี และเพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น 6 มิลลิกรัม ในช่วงอายุ 9 ถึง 13 ปี จากนั้นจะเพิ่มเป็น 7 ถึง 13 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่อายุ 14 ปี จนถึงวัยผู้ใหญ่
โดยในผู้ใหญ่ ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับผู้ชายคือ 14 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้หญิงต้องการ 8 มิลลิกรัม - ยกเว้นในระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งจะเพิ่มขึ้นถึง 11 มิลลิกรัม ซึ่งโดยทั่วไปร่างกายสามารถดูดซึมสังกะสีที่ได้จากโปรตีนของสัตว์มากกว่าโปรตีนจากพืช ส่งผลให้ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติอาจจำเป็นต้องบริโภคสังกะสีเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50 จากปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน เพื่อที่จะได้รักษาระดับไว้ให้มีสุขภาพดี
เข้าสู่ระบบ
;void(0);)
;void(0);)
