เข้าสู่ระบบ
'สุขภาพผิวดี' มีได้แม้อายุมากขึ้น
 |
 |
 |
 |
ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดการสูงวัยได้ แต่เราก็สามารถส่งเสริมสุขภาพผิวและบำรุงผิวเมื่อเราสูงวัยขึ้นได้
ผิวของเรา เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดและมองเห็นได้ชัดที่สุดของร่างกาย ผิวของเราสามารถแบ่งออกเป็นสองชั้น
- ผิวหนังชั้นกำพร้าเป็นผิวหนังชั้นตื้น ประกอบขึ้นจากเซลล์หลายชั้น ในผิวหนังชั้นนี้เราจะพบเมลานิน ซึ่งทำหน้าที่ให้ผิวเข้มขึ้น
- ผิวชั้นหนังแท้เป็นผิวหนังชั้นที่สองและเป็นชั้นที่ลึกลงมา ผิวหนังชั้นนี้ประกอบขึ้นจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและมีอิลาสติน ซึ่งเป็นเส้นใยที่ทำหน้าที่ให้ความยืดหยุ่นของผิว และคอลลาเจนซึ่งทำให้ผิวมีความแข็งแรง นอกจากนี้ ผิวชั้นหนังแท้ยังมีหลอดเลือดที่ให้สารอาหารแก่ผิวอีกด้วย
ใต้ผิวชั้นหนังแท้คือผิวชั้นไขมันซึ่งมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอยู่
ผิวเปลี่ยนไปเมื่อสูงวัยขึ้น
เมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวของเราจะลดลง และจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงในด้านความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวหนัง ผิวหนังชั้นกำพร้าจะบางลง และจำนวนเซลล์ที่สร้างเมลานินก็จะลดลง และเซลล์ที่เหลืออยู่ก็จะใหญ่ขึ้น
ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เห็นได้จากริ้วรอยที่เริ่มปรากฎ ผิวของเราจะดูบางลง และเราอาจเริ่มมีจุดด่างดำ หรือที่เรียกว่า “จุดด่างดำในผู้สูงอายุ”
;void(0);)
เราทำให้ผิวอ่อนวัยลงได้หรือไม่
ความเปลี่ยนแปลงในผิวหนังเหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดจากพันธุกรรม แต่สารอาหาร สภาพแวดล้อม และปัจจัยอื่น ๆ ต่างก็มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เช่นกัน อาหารที่ดีต่อสุขภาพมีส่วนสำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพผิวและช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนวัยเมื่อคุณมีอายุมากขึ้น
หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเสื่อมของผิวคือแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเล็ต (รังสียูวี) เป็นสาเหตุของความแก่จากแสงแดด (photoaging) ซึ่งบ่อนทำลายเส้นใยคอลลาเจนและเซลล์ที่ผลิตเมลานิน ดังนั้นอย่าลืมป้องกันผิวเมื่อออกแดด และซื้อครีมกันแดดที่มีคุณภาพเพื่อช่วยให้ผิวแลดูอ่อนวัยและมีสุขภาพดีเมื่อเราอายุสูงขึ้น
ความสำคัญของคอลลาเจนในการเสื่อมของผิว
คอลลาเจนเป็นหนึ่งในโปรตีนสำคัญที่ช่วยดูแลความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความนุ่มของผิว
เราสามารถผลิตคอลลาเจนในร่างกายได้จากกรดอะมิโน (ซึ่งเป็นโครงสร้างของโปรตีน) แต่เราก็สามารถรับโครงสร้างของคอลลาเจนจากอาหารได้เช่นกัน คอลลาเจนไฮโดรไลเซตเป็นโครงสร้างคอลลาเจนที่มีชีวปริมาณออกฤทธิ์ และส่วนมากแล้วจะพบในเนื้อสัตว์ ปลาขนาดเล็ก เช่น ปลาซาร์ดีน ซึ่งมีการบริโภคก้าง รวมทั้งเครื่องดื่มคอลลาเจน
;void(0);)
สารอาหารจำนวนหนึ่งที่จำเป็นต่อการผลิตคอลลาเจน ได้แก่
- วิตามินซี - พบในฝรั่ง กีวี่ พริก บรอกโคลี
- ซิงค์ - อาหารที่มีซิงค์ได้แก่ หอยนางรม เนื้อแดงไร้ไขมัน โฮลเกรน ถั่วฝัก และเมล็ดฟักทอง
- ทองแดง - ถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืช ผลไม้สด และผัก ช่วยให้ร่างกายได้รับทองแดงในแต่ละวัน
- วิตามินบี2 - คุณสามารถรับประทานผักใบเขียว โดยเฉพาะบรอกโคลีหน่อไม้ฝรั่ง ไข่ และโฮลเกรน เพื่อรับวิตามินบี2
- วิตามินเอ - ส่วนใหญ่แล้วพบในผลิตภัณฑ์จากนมและไข่ นอกจากนี้คุณสามารถเติมวิตามินเอให้กับร่างกายจากเบตาแคโรทีนจากแคร์รอต มันเทศ ฟักทอง และพริกได้อีกด้วย
- กำมะถัน - จากอาหาร เช่น กระเทียม หัวหอม อินทผลัม และบรอกโคลี
สารต่อต้านอนุมูลอิสระบำรุงผิว
เนื่องจากความเสียหายจากภาวะออกซิไดซ์ (อนุมูลอิสระ) เป็นสาเหตุหลักที่ผิวเสื่อมก่อนวัย (ตัวอย่างเช่น รังสียูวีจากแสงอาทิตย์) การรับสารอาหารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงผิวอย่างเพียงพอจึงจำเป็นต่อการดูแลผิวให้เปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี
- ลูทีนและซีแซนทิน: พบในผักใบเขียว โดยเฉพาะปวยเล้ง ไข่แดง กีวี่ องุ่น ซูกีนี่ สควอช และข้าวโพด อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว และช่วยปกป้องผิวจากผลกระทบของแสงแดด
- วิตามินซีและอี: สารอาหารต่อต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีและช่วยบำรุงผิวชั้นลึกต่าง ๆ นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยบำรุงคอลลาเจนให้สุขภาพดีและเสริมสร้างความสมบูรณ์ของผิว วิตาซินพบในเบอร์รี ผลไม้ตระกูลส้ม และแบล็กเคอร์แรนต์ อาหารี่มีวิตามินอีนั้นได้แก่ถั่วเมล็ดแห้งและเมล็ดพืช จมูกข้าวสาลี และโฮลเกรน
- ซิงค์: เช่นเดียวกับวิตามินซี ซิงค์ช่วยบำรุงความสมบูรณ์ของผิว อาหารอื่น ๆ ที่ควรรับประทานเพื่อให้ได้รับซิงค์อย่างเพียงพอได้แก่ มิโซะ เต้าหู้ เห็ด และถั่วแขก
 |
 |
 |
|
|
|
|
